ครัวกุ้งหลวง ใกล้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ลพบุรี

      
     "กองทัพต้องเดินด้วยท้อง" เรื่องกินเป็นเรื่องสำคัญของทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) มาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ว่าจะได้กินตรงเวลาหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หลังจากที่ทีมงานของเราเที่ยวเขื่อนป่าสักฯเสร็จกลับมาถึงเจ้ารถคู่ชีพที่พาพวกเราไปไหนต่อไหนมาทั่วประเทศ ก็พบว่าบริเวณหน้ารถเกือบจะกลายเป็นที่ทิ้งขยะ เนื่องจากว่าที่ปัดน้ำฝนของรถมีใบโฆษณาสีสันแสบทรวงจำนวนมากเหน็บเอาไว้อยู่ ลองหยิบหลาย ๆใบขึ้นมาดูก็พบว่ามีแต่อาหารหน้าตาน่ารับประทานทั้งนั้น นอกจากหน้ารถที่มีใบโฆษณาวางแปะอยู่แล้ว พวกเรายังสังเกตเห็นคนเดินแจกใบปลิวแนะนำร้านอาหารต่าง ๆ เต็มไปหมดจึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปขอใบปลิวโฆษณาเหล่านั้นเพิ่ม เมื่อรวบรวมเอกสารโฆษณาทั้งหมดมาได้พวกเราก็นำมาวิเคราะห์ว่าจะไปกินอาหารกลางวันตอนบ่ายสองที่ไหนกันดี พอเหลือบเห็นโปรโมชั่นกุ้งเผา 6 ตัว 1 บาท ก็คิดว่าอยากจะรู้ว่ากุ้งจะตัวเท่ากุ้งฝอย หรือจะใหญ่เท่ากุ้งปกติก็เลยตัดสินใจเดินทางไปทดลองกันที่ร้าน "ครัวกุ้งหลวง"

บรรยากาศริมน้ำของครัวกุ้งหลวง

     "ครัวกุ้งหลวง" เป็นร้านอาหารตั้งอยู่บนสระน้ำขนาดใหญ่ แม้แดดจะร้อนแต่ก็ยังมีลมพัดไปมาให้เย็นสบายได้คลายร้อน ระหว่างเดินไปนั่งโต๊ะ สายตาก็สอดส่องดูกุ้งเผาของโต๊ะตัวอื่นด้วยว่าขนาดเป็นอย่างไรบ้าง พอเห็นก็พอคุ้มค่าอยู่บ้าง จึงสั่งกุ้งเผาและอาหารต่าง ๆ ดังนี้
     จานแรกที่มาถึงก่อนก็เป็น "กุ้งเผา" (1บาท) เคียงข้างมาด้วยน้ำจิ้มรสจัด หลังจากช่วยกันแกะกุ้งออกจากเปลือกจนได้เนื้อขาวหวาน จิ้มกับน้ำจิ้มเผ็ด ๆ ได้รสชาติกลมกล่อมแต่มีแค่ 6 ตัวชิมได้จิ๊ดเดียวก็หมดแล้ว (ไม่อยากสั่งเพิ่ม เพราะกลัวจะไม่ได้กินอย่างอื่นกัน แล้วก็กุ้งชุดถัดไปไม่ได้ราคา 1 บาทแล้วค่ะ)

นานาอาหารทั้งกุ้งเผา เนื้อนกกระจอกเทศผัดพริกไทยดำกะทะร้อน ต้มยำกุ้งมะพร้าวอ่อน และฉู่ฉี่ปลาทับทิมตามลำดับ

     จานที่สองก็เป็นตระกูลกุ้งเช่นกัน แต่กรรมวิธีเปลี่ยนจากย่างมาทำเป็นต้มยำแทน โดยจานนี้มีชื่อว่า "ต้มยำกุ้งมะพร้าวอ่อน" (120 บาท) กุ้งแม่น้ำสด ๆ ตัวขนาดกำลังพอดีมาในน้ำต้มยำข้น หอมกรุ่นด้วยเครื่องต้มยำ แต่ถูกตัดความเผ็ดด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อนทำให้ความเผ็ดไม่จัดจ้านเกินไปแต่กลมกล่อมขึ้นเมื่อทานกับเนื้อมะพร้าวอ่อนที่หวาน (ไม่ได้ใส่มากจนเลี่ยน)
อยู่แถว ๆ เขื่อนอาหารของเราก็ยังวนเวียนอยู่ที่สัตว์น้ำอยู่ดี คราวนี้เปลี่ยนรสชาติมาเป็นปลากันบ้าง สำหรับอาหารจานปลาทีมงานเราไม่ค่อยได้เคยอาหารประเภทฉู่ฉี่นัก จานนี้เลยเป็นรุ่นทดลองกับ "ฉู่ฉี่ปลาทับทิม" (120 บาท) ที่ทั้งกรอบนอกนุ่มในเนื้อปลาเคล้าเครื่องฉู่ฉี่ ออกทั้งเผ็ดนิดหน่อย มัน ความหวานกรอบจากเนื้อปลา ช่วยกันดึงรสชาติให้อร่อยอยากรับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ  แต่มานึกอีกทีอาหารที่เราสั่งช่างอุดมไปด้วยกะทิ และไขมันจริง แต่เอาเป็นว่าค่อยไปลดน้ำหนักกันทีหลังตอนนี้ขอกินก่อนดีกว่า

ชมอาหารกันใกล้เรียกน้ำย่อยกันดีกว่า

     มาจบของคาวจานสุดท้ายที่เนื้อบ้างดีกว่า แต่จะเป็นเนื้อสัตว์ทั่วไปก็จะไม่แปลกพี่ต้นหญ้าเลยขอเป็น "นกกระจอกเทศผัดพริกไทยดำกะทะร้อน" (120 บาท) ชื่ออาหารก็ช่างยาวเหลือเกิน จานนี้มีทีมงานบางท่านปฏิเสธไม่ขอลองเนื่องจากใจยังไม่กล้าพอ สำหรับรสชาติของเนื้อนกกระจอกเทศจากความรู้สึกส่วนตัวจะคล้าย ๆ เนื้อวัวผสมกับเนื้อหมู คือมีทั้งความนุ่ม เหนียวพอประมาณ แต่เคี้ยวเพลิน ซึ่งหากทำไม่ถูกวิธี หรือเลือกเนื้อไม่ดีจะเหนียวมาก และมีกลิ่นคาว สำหรับที่นี่นับว่าการปรุงและเลือกเนื้อนกกระจอกเทศก็ใช้ได้ทีเดียว แต่จะรับประทานของคาวอย่างเดียวก็คงไม่ครบสูตร จึงขอจบมื้อลงด้วย "ไอศครีมนมแพะ" ที่ได้ชื่อว่าเป็นนมที่มีโปรตีนที่ดี ไขมันต่ำ ลองชิมเนื้อไอศรีมก็นุ่มหวาน แต่จะมีลักษณะเฉพาะของนมแพะที่แตกต่างจากนมวัว (ไม่ใช่เหม็นสาบเหมือนที่คนส่วนใหญ่ไม่กล้าทานเนื้อแพะนะคะ เพียงแต่เป็นกลิ่นเฉพาะเท่านั้น) อิ่มท้องกับทั้งอาหารคาวหวานแล้วก็คงต้องชักดาบ (ทีมงานมีมติเป็นเอกฉันท์ให้พี่ต้นกล้าเป็นผู้ชำระค่าเสียหายในการรับประทานครั้งนี้แต่เพียงผู้เดียว ขอบคุณค่ะ)

ไอศครีมนมแพะ เนื้อนุ่ม

การเดินทาง : ครัวกุ้งหลวง เดินทางจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ผ่านสี่แยกวังม่วง มวกเหล็ก รอบเขื่อน ไปประมาณ 800 เมตร ครัวกุ้งหลวงอยู่ทางซ้ายมือ
โทรศัพท์ : (036) 494405 ,(086) 3753621 ,(086) 7692418